จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กก.5 บก.ป. รวบแท็กซี่หื่นพยายามข่มขืนชิงทรัพย์แม่ค้าเสื้อผ้า


วันพฤหัสบดี ที่ 30 มิถุนายน 2554 เวลา 14:04 น

กองปราบจับแท็กซี่หื่นพยายามข่มขืนแม่ค้าผ้าแต่ผู้เสียหายแกล้งตายจึงเปลี่ยนเป้าหมายรูดทรัพย์แล้วหลบหนีแทน

ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. พร้อมกำลังเข้าจับกุม นายไพฑูรย์ หน่อแก้ว อายุ 28 ปี อยู่หมู่ 2 ต.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม อาชีพขับรถแท็กซี่ ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 228/2554 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2554 ข้อหา ชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยใช้ยานพาหนะ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ NEX สีขาว 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณ ซ.ลาดหญ้า 5 ถ.ลาดหญ้า แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมาได้เกิดเหตุคนขับรถแท็กซี่ก่อเหตุชิงทรัพย์ น.ส.น้อย (นามสมมติ) แม่ค้าชายเสื้อผ้าตามตลาดนัด เหตุเกิดบริเวณริมถนนพุทธสาคร หมู่ 11 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ได้ทรัพย์สินไปกว่า 5 หมื่น ก่อนจะโยนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในสภาพสวมใส่แต่ชุดชั้นในลงจากรถแล้วขับรถหลบ หนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ร่วมกับชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. เข้าทำการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ผู้เสียหายเคยใช้บริการคนขับรถแท็กซี่คันนี้มาก่อน จากนั้นคนขับก็ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เพื่อให้ติดต่อว่าจ้างไปส่งตาม ตลาดนัดต่างๆ โดยก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้โทรติดต่อให้แท็กซี่คันดังกล่าวมารับไปส่งที่ ตลาดโรงเกลือ แต่ระหว่างทางคนขับรถแท็กซี่อ้างว่าจะต้องแวะเติมแก๊สแต่เมื่อผ่านมาถึงริม ถนนพุทธสาครคนร้ายก็หยุดรถแล้วข้ามมาเบาะหลัง ก่อนจะลงมือตบตีและถอดเสื้อผ้าผู้เสียหายออกหมดแต่ผู้เสียหายได้ทำทีเป็นลม สลบ คนขับรถแท็กซี่จึงเปลี่ยนใจขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายไป ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เงินสด 30,000 บาท และสินค้าประเภทเสื้อผ้าที่จะนำไปขาย หลังจากได้ทรัพย์สินผู้เสียหายไปแล้วคนร้ายก็นำตัวผู้เสียหายซึ่งอยู่ในสภาพ เหลือแต่ชุดชั้นออกจากรถไปทิ้งไว้ข้างทางแล้วหลบหนีไป ทั้งนี้ภายหลังเกิดเหตุผู้เสียหายได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่าง มากถึงขั้นคิดสั้นกินยาฆ่าตัวตายแต่โชคดีที่เพื่อนช่วยเหลือนำตัวส่งโรง พยาบาลรักษาตัวไว้ได้ทันแต่ก็ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ 3 วัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ร่วมกับชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. สืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้กระทำผิดจึงรวบรวมหลักฐานไปขออนุมัติหมาย จับจากศาลก่อนจะติดตามจับกุมตัวมาได้พร้อมกับของกลางโทรศัพท์มือถือของผู้ เสียหาย
สอบสวนนายไพฑูรย์ รับสารภาพว่า เป็นคนขับแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารอยู่ตามห้างสรรพสินค้าย่านบางใหญ่ และบางบัวทอง จ.นนทุบรี ก่อนหน้านี้เคยรับส่งผู้เสียหายไปขายเสื้อผ้าที่ตลาดนัดมาแล้ว 2 ครั้ง จนเป็นลูกค้าประจำ ส่วนคดีนี้ผู้เสียหายได้ว่าจ้างให้ไปส่งที่ตลาดโรงเกลือจึงขับรถไปรับผู้ เสียหายจากบ้านพักย่านพุทธมณฑล สาย 4 ก่อนจะลงมือก่อเหตุระหว่างทางได้เงินสดไป 17,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง แต่นำมาใช้เพียงเครื่องเดียว ส่วนโทรศัพท์มือถืออีกเครื่อง และทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เสียหายนั้นได้โยนทิ้งคลองตะคล้าย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักตนไปทั้งหมดแล้ว
นายไพฑูรย์ รับอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องใช้สำนักงานที่บริษัทเอกชนแห่ง หนึ่ง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี แต่ยักยอกเงินค่าสินค้าของบริษัทจนถูกไล่ออกจากงาน และถูกดำเนินคดีมาแล้ว โดยคดีดังกล่าวศาลตัดสินจำคุก 1 เดือนแทนค่าปรับ ซึ่งตนได้ประกันตัวออกมาและยังสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ช่วงนั้นจึงหันมาขับรถแท็กซี่ ส่วนสาเหตุที่ทำนั้นเพราะต้องการเงินมาใช้หนี้สินบัตรเครดิต และติดการพนันไฮโล โดยหลังก่อเหตุก็หลบหนีออกจากพื้นที่มาขับรถแท็กซี่อยู่แถววงเวียนใหญ่

ที่มา

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=419&contentID=148264

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=517713&lang=T&cat=

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

"กองปราบปราม"โหมงานเชิงรุก เร่งสร้างภูมิคุ้มกันอนาคตชาติ!


วันเสาร์ ที่ 25 มิถุนายน 2554

ใน ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว หากใครมีโอกาสผ่านไปบริเวณใต้ถุนอาคารมหิตลาธิเบศร คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงจะพบเรื่องแปลกตาไปบ้าง หลังพบตำรวจกองปราบปรามจำนวนมากไปป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณดังกล่าว เรียกว่า มีทั้ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. รวมไปถึง พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. ในฐานะหัวหน้าทีมงานผู้รับผิดชอบการจัดโครงการนิทรรศการ “นักศึกษา ประชาชน และตำรวจ” ที่ยกทีมเดินสายไปทำกิจกรรมกับบรรดาอนาคตของชาติ ถือว่าเป็นการทำงานเชิงรุกนอกจากปราบปรามจับกุมคนร้ายแล้วยังแบ่งเวลาออกทำ งานในเชิงนโยบายเพื่อนำเรื่องราวดี ๆ ของตำรวจออกมาเผยแพร่สู่สายตาประชาชน

ภายในงานมีการนำเสนอเรื่องราวตามหลักวิชาการของตำรวจหลากหลายอย่างที่น่า สนใจ โดยเฉพาะทฤษฎี “ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน” ซึ่งเป็นแนวคิดที่นำไปใช้จนประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ ทฤษฎีนี้พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เจ้าของไอเดียบรรเจิด เป็นผู้ทดลองใช้จนเกิดผลสำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่ง รอง ผกก. หัวหน้าโรงพักบางขุนนนท์ จนทำให้ปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่นั้นลดลงอย่างมาก

โครงการ นี้ถูกจัดขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ หลัก ๆ 3 ข้อด้วยกัน คือ เรื่องแรก เพื่อเผยแพร่ทฤษฎีตำรวจยุคใหม่ เทคนิควิธี การรักษาความสงบสุขของสังคม ในการป้องกันอาชญากรรม ให้กับน้อง ๆ นิสิตนักศึกษา เพื่อจะได้นำไปเผยแพร่ ให้กับประชาชนในการรักษาความสงบเรียบร้อย และการป้องกันอาชญากรรม สองคือต้องการลดช่องว่างระหว่างตำรวจกับประชาชน ผ่านทางนิสิตนักศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในการให้ข้อมูล ข่าวสาร ที่ตำรวจจะสามารถนำมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมและเสริมสร้างความสงบสุขของ สังคมได้ดียิ่งขึ้น และ สุดท้าย คือ ให้นิสิตนักศึกษารู้จักตำรวจมากขึ้น แถมยังมีการแนะแนวการสอบเข้ารับราชการตำรวจให้นักศึกษาได้เข้าใจในเส้นทาง การสมัครสอบเข้า

ตัวอย่างมุมที่น่าสนใจสำหรับอาจารย์และนิสิตนัก ศึกษา ที่ทางตำรวจนำมาแนะนำ ก็คือ การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันอาชญากรรมในมหาวิทยาลัย ว่าต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะช่วยป้องอาชญากรรมได้ เช่น การเฝ้าระวังโดยธรรมชาติ ที่จะต้องทำสถานที่ให้ดูโล่ง ทำความสะอาดเรียบร้อย เอาสิ่งกำบังสายตาออกไปเพื่อให้คนทั่วไปสามารถมองเห็นผู้บุกรุกได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีการควบคุมการเข้าออกโดยธรรมชาติ เช่น การใช้ประตูรั้ว แนวต้นไม้ คูน้ำ ติดตั้งไฟส่องสว่าง ตั้งโต๊ะต้อนรับ หรือตรวจตราการเข้าออก รวมไปถึง การใช้สิ่งกีดขวางทางจิตวิทยา เช่น การติดป้าย ทำไม้กั้น เพื่อให้ทราบว่าพื้นที่นี้เป็นที่เฉพาะ เมื่อเข้าออกได้ยากกว่าพื้นที่ธรรมดาแล้ว คนร้ายก็ไม่อยากเข้ามารบกวน นอกจากนี้ยังมีช่องทางในการแจ้งเบาะแสอาชญากรรมให้ทางตำรวจไม่ว่าจะเป็นทาง หมายเลขโทรศัพท์ตรงของหน่วยงานต่าง ๆ เว็บไซต์ อีเมล หนังสือร้องเรียน ฯลฯ

ด้านหนึ่งของนิทรรศการยังมีการนำเสนอถึงภูมิคุ้มกันของวัยรุ่นให้บรรดาผู้ ปกครองเข้าใจได้ง่าย ๆ ว่า วัยรุ่นนั้นมีพัฒนาการในด้านร่างกาย จิตใจและสังคมอย่างไรบ้าง และปัญหาของวัยรุ่นมีอะไรบ้าง เช่น ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อแม่ ปัญหาการใช้สารเสพติด ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น รวมทั้งนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาว่าต้องทำอย่างไร เช่น ต้องเลี้ยงดูลูกอย่างถูกต้อง ให้ความรักความอบอุ่น ฝึกให้รู้จักกับระเบียบวินัย ให้รู้จักคบเพื่อน รู้จักแก้ปัญหาให้ถูกต้อง และปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

จากนั้นก็ปิดท้ายมุมด้านปัญหาของวัยรุ่นนี้ด้วยประโยคที่ว่า “เด็กจะไม่ติดเกม ไม่ติดเพื่อน ไม่หนีออกจากบ้าน ถ้าเขามีที่พักใจ มีบ้านที่อบอุ่น มีพ่อแม่ที่มีเวลา และพร้อมที่จะเดินเคียงข้างไปกับเขา เป็นภูมิคุ้มกัน ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องใดผ่านเข้ามาในชีวิต” ซึ่งเป็นคติเตือนใจให้กับเหล่าผู้ปกครองได้หันกลับมามองลูกหลานของตัวเอง เพื่อหาวิธีการปกป้องไม่ให้เป็นปัญหาสังคมด้วย

อีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “ต้นไม้อาชญากรรม” ที่บ่งบอกถึงการปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาอาชญากรรมได้ ซึ่งการแก้ปัญหาอาชญากรรมให้ได้ผลนั้นควรทำอย่างไรให้ดูที่ต้นไม้อาชญากรรม นี้ โดยในรูปภาพจะแบ่งส่วน ลำต้น ให้เห็นเป็นอวิชชา ความไม่รู้ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตำรวจ และส่วน ผลกับใบ คืออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ค้ายาบ้า ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ค้าอาวุธ พนันฟุตบอล เมาแล้วขับ ฯลฯ ส่วนด้านล่างใต้ดินคือ ราก ของต้นไม้นั้น จะชี้ให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการกระทำผิด เช่น ปัญหาครอบครัวไม่อบอุ่น แตกแยก ฟุ้งเฟ้อเกินตัว ค่านิยมผิด แยกแยะชั่วดีไม่ได้ เห็นแก่ตัว ไม่กลัวบาป ฯลฯ

แต่ไฮไลต์ที่เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดให้กับบรรดานิสิตนักศึกษาคงหนีไม่พ้น ตัวมาสคอต “ร.ต.อ.เต็มใจ ให้บริการ” หรือ “ผู้กองเต็มใจ” ที่จะร่วมออกไปทำกิจกรรรมเชิงสัญลักษณ์ปฏิบัติหน้าที่พบปะกับประชาชนตาม ชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ สถานศึกษา หรือที่พักอาศัย เพื่อหาความร่วมมือและความไว้วางใจจากประชาชน ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้มีบรรดานิสิตนักศึกษาให้ความสนใจแห่กันเข้ามาขอถ่าย รูปคู่กับ “ผู้กองเต็มใจ” ด้วยเป็นจำนวนมาก

พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. ในฐานะหัวหน้าทีมงานผู้รับผิดชอบการจัดโครงการนี้ กล่าวว่า แนวคิดและวิธีการต่าง ๆ มาจากทฤษฎีที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศทั้งสิ้น และทาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ได้นำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.ได้จัดนิทรรศการนักศึกษา ประชาชน และตำรวจ ในมหาวิทยาลัยมาแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ ม.รังสิต ม.ธรรมศาสตร์ และม.รามคำแหง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากคณาจารย์และนักศึกษา เป็นอย่างมาก เพราะเป็นความรู้ที่ตำรวจไม่เคยนำมาเผยแพร่ เนื้อหาต่าง ๆ ก็จัดแสดงให้ประชาชนเข้าใจง่าย.

"กองปราบสานอนาคต"

โครงการ กองปราบสานอนาคต นอกจากจะตระเวนเดินสายตามมหาวิทยาลัยชั้นนำในเมืองกรุงแล้ว ยังเริ่มลงพื้นที่โรงเรียนและชุมชนในต่างจังหวัดเช่นกัน โดยมี พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อภิชัย ดุษฎีพฤฒิพันธุ์ รอง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ศตยุ ไชยสุวรรณ์ สว.กก.5 บก.ป. นำทีมตำรวจกองปราบปรามออกทำกิจกรรมเพื่อบ่มเพาะสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม รวมทั้งปลูกฝังความรู้ จิตสำนึกที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน ในอนาคตเด็กอาจจะพบกับอบายมุข หรือสิ่งเสพติดต่าง ๆ แต่ก็จะสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้องถูกวิธีการ และไม่ตกไปอยู่ในขุมแห่งความเลวร้าย สามารถเติบโตเป็นคนดีของสังคม ประเทศชาติต่อไปได้ ก่อนหน้านี้พ.ต.อ.อธิป ก็เพิ่งนำทีมงานลงไปจัดกิจกรรมที่โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากทั้งนักเรียน คุณครู และผู้ปกครองในระดับดี.

รัชพล ยี่สุ่น-วรทัศน์ กองทรัพย์โต : รายงาน
ที่มา
ลิงก์http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=611&contentID=147137

กองปราบสานอนาคต "เด็กไทย" รู้ป้องภัย ห่างไกลอบาย


วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน 2554

ปัญหาเด็กและเยาวชนไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้นั้นพูดได้คำเดียวว่า "(น่า)ห่วง" ยกตัวอย่างปัญหา "ยาเสพติด" ซึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ นพ.วิโรจน์ วีรชัย ผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยข้อมูลการสืบสวนของตำรวจปราบปรามยาเสพติดว่า จ.สิงห์บุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคกลางที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่าง รุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียน

สถิติ ระบุว่า 3 ปีที่ผ่านมา เยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปี ติดยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้นมากหากเทียบกับกลุ่มอายุอื่น โดยปี 2551 เยาวชนกลุ่มนี้ติดยาไม่ถึง 1% ปี 2552 เพิ่มเป็น 4% ในปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 7% และช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2554 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2553 ถึง มีนาคม 2554 เพิ่มเป็น 12%

เดิมตัวเลขเยาวชนติดยาเสพติดประมาณ 1.2 แสนคน แต่ในช่วง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 2554 เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 5% หรือราว 6 พันคน

ยาเสพติดที่เยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีติด คือ ยาบ้า ประมาณ 80% ที่เหลือเป็น
ยาไอซ์และยาเสพติดประเภทอื่น โดยยาไอซ์เป็นยาเสพติดที่วัยรุ่นมีแนวโน้ม
เสพ
มากขึ้น

ส่วนสาเหตุหลักของการติดยาเสพติดในหมู่วัยรุ่นนั้นมาจากการอยากลอง เริ่มจากทดลองดื่มสุราและสูบบุหรี่

ล่าสุดนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในกลุ่มวัยรุ่นน่าเป็นห่วง หลังดำเนินการบำบัดผู้ติดยาไปแล้วกว่า 5 หมื่นคน และพบกลุ่มเด็กวัยรุ่นช่วงอายุ 7-17 ปี ใช้สารเสพติดมากขึ้นถึง 129 เท่าตัวในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา

"กลุ่ม ที่น่าเป็นห่วงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือวัยรุ่นอายุ 7-17 ปี พบว่ามีการใช้สารเสพติดมากขึ้น ในปี 2554 มีเข้ารับบำบัด 6,701 คนหรือ
ร้อย ละ 12 ของผู้เข้ารับการบำบัดโดยเพิ่มขึ้น 129 เท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีเพียง 52 คน หรือร้อยละ 0.09 ของผู้รับบำบัดทั้งหมด" นายจุรินทร์ กล่าว

สอดคล้องกับข้อมูลนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 15-24 ปี วัยรุ่นกลุ่มนี้
มีอัตราเป็นนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ที่มีอยู่ 1.6 ล้านคน เป็น 1.67
ล้านบาท คือ เพิ่มขึ้นกว่า 7 หมื่นคน

อีกตัวอย่างคือการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรพบสัดส่วนแม่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี
ใน รอบ 50 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 5.6% ในปี 2501 เพิ่มเป็น 15.5% ในปี 2551 โดยเฉพาะกลุ่มแม่วัยรุ่นอายุ 10-14 ปี มีอัตราการคลอดบุตรเพิ่มมากขึ้น

เหล่า นี้คือตัวอย่างปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในหมู่เยาวชนไทยที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ เห็นมีพรรคการเมืองพรรคใดหยิบยกมาเป็นนโยบายที่จะเร่งแก้ไข จะมีก็แต่
ตั้งกองกำลังการปราบยาเสพติด หรือในเรื่องการศึกษาก็เน้นเรื่องทุนและวัตถุมากกว่า เช่น เรียนฟรี แจกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

เชื่อ ว่ามีหลายภาคส่วนทราบถึงปัญหาและกำลังช่วยกันป้องกันแก้ไข เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะต้องโฟกัสไปที่ "การเมือง" ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญในการกำหนด
ทิศทางการแก้ไขปัญหา แต่ละหน่วยจึงชะงักรอดูทิศทางลมกันก่อน

แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อภิชัย ดุษฎีพฤฒิพันธุ์ รอง ผกก.5 บก.ป. และพ.ต.ท.ศตยุ ไชยสุวรรณ สว.กก.5 บก.ป. ได้เริ่มต้นนับหนึ่งแล้วที่โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา อ.เมือง จ.นครปฐม



"โครงการกองปราบสานอนาคต" เป็นชื่อที่ตำรวจกองปราบปรามตั้งขึ้นเพื่อ
สื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชนซึ่งจะเติบ
โตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติใน
อนาคต ซึ่งได้เริ่มปฐมนิเทศผู้ปกครองของนักเรียนระดับชั้นมัธยมปีที่ 2 ของโรงเรียนดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา




หลังจากนั้นก็จะมีทีมวิทยากรตำรวจที่มีประสบการณ์ไปบรรยายให้ความรู้เด็กๆอย่างสม่ำเสมอ โดยช่วงท้ายโครงการจะมีการประเมินผลด้านต่างๆ





พ.ต.อ.อธิป เปิดเผยว่า กองปราบสานอนาคตเป็นโครงการที่สานต่อโครงการต่างๆที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ได้ริเริ่มไว้ ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ตำรวจกลับหลังหัน ตำรวจยุคใหม่ไม่ทำผิด ซึ่งมีการต่อยอดโดยนำไปเผยแพร่ให้ความรู้กับชุมชนต่างๆ มีการจัดนิทรรศการให้กับบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมทั้งโครงการอุเทนฯ-ปทุมวันโมเดล

"โครงการ นี้เป็นโครงการนำร่องเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน ช่วงวัยรุ่นตอนต้น โดยยึดแนวคิดการป้องกันอาชญากรรมในอนาคต ผสมผสานกับหลักปฏิบัติเรื่องจิตวิทยาวัยรุ่นเพื่อให้เด็กได้รู้วิธีการในการ ปฏิบัติตนเมื่อประสบกับปัญหาต่างๆ ทำอย่างไรเมื่อพบกับสิ่งยั่วยุ หรือพบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตรงหน้าจะทำอย่างไร" พ.ต.อ.อธิป กล่าว

และว่า ในอนาคตเมื่อเด็กๆพบกับอบายมุขหรือสิ่งเสพติดเขาจะสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้อง ถูกวิธี และไม่ตกอยู่ในอบาย





ไม่ว่าผลการดำเนินการโครงการนี้จะเป็นอย่างไรแต่อย่างน้อยตำรวจกลุ่มนี้ก็นำ "นโยบาย" มาเริ่ม "ทำ" แล้ว และหวังว่าโครงการที่มีประโยชน์ต่อเด็กและ
เยาวชนลักษณะนี้จะมีโอกาสขยายไปยังโรงเรียนอื่นๆต่อไป

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

พิธีบวงสรวงสิ่งศํกดิ์สิทธิ์ สถานที่ตั้งและแฟลตที่พัก บช.ก.แห่งใหม่


ฉบับวัน จันทร์ ที่ 20 มิ.ย. 2554


เพื่อสิริมงคล เมื่อตอนเช้าตรู่เวลาประมาณ 07.00 น. ของวัน ศุกร์ ที่ 17 มิถุนายน 2554 พล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นประธานในพิธีบวงสรวงขอขมาเจ้าที่เจ้าทางสถานที่ก่อสร้าง "กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแห่งใหม่" และแฟลตที่อยู่อาศัย โดยมีตำรวจหน่วยต่าง ๆ ใน บช.ก. มาร่วมงานกันพร้อมหน้า ที่เมืองทองธานี

ภาพบรรยากาศภายในงาน







ขอขอบคุณ ที่ได้รับการเอื้อเฟื้อภาพจาก ไทยรัฐ และ joker53 ครับ (^____^)