จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ป.ร่วมคลี่ฆ่าแกนนํา ต่อต้านถ่านหิน

Thairath
วัน เสาร์ ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2554

ป.ร่วมคลี่ฆ่าแกนนํา ต่อต้านถ่านหิน


ภาพจุดที่ถูกยิง

ภาพสืบสวนสอบสวนปากคำ

ผบช.ก.สั่งชุดสืบสวนกองปราบ-ปราม ร่วมคลี่ปมสังหารแกนนำกลุ่มต่อต้านถ่านหินมหาชัย คาดปมสังหารมาจากเรื่องขนย้ายถ่านหินในพื้นที่ ขณะที่ตำรวจเจ้าของพื้นที่ ลุยตรวจกล้องวงจรปิด พบมือสังหารเป็นชายอายุไม่เกิน 25 ปี และตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท ก่อนจะเข้าตรวจค้นบ้านเจ้าของรถบรรทุกถ่านหิน แต่ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ด้านภรรยาผู้ตายรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี เชื่อชนวนสังหารมาจากเรื่องต่อต้านถ่านหินแน่นอน ขณะที่แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ ประกาศจะต่อต้านถ่านหินถึงที่สุด เตรียมแห่สัญลักษณ์ของผู้ตาย เพื่อปลุกกระแสอนุรักษ์

จากคดีนายทองนาค เสวกจินดา อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ 4 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร แกนนำม็อบต่อต้านถ่านหิน ถูก 2 มือปืนควบรถจักรยานยนต์บุกกระหน่ำยิงร่างพรุนตายสยอง เหตุเกิดบริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าบ้านของตัวเอง เมื่อตอนสายวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าชนวนมรณะมาจากการต่อต้านถ่านหิน จนเคยถูกขู่เอาชีวิตมาแล้ว กับเรื่องโกรธแค้นส่วนตัว

ความคืบหน้าการ สางปมฆ่าแกนนำต้านถ่านหิน เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ก.ค. นางจอมขวัญ เสวก– จินดา ภรรยานายทองนาค ผู้ตาย เดินทางมารับศพที่สถานบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนางจอมขวัญกล่าวว่า เรื่องคดีให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะนำตัวคนร้ายมาลงโทษ ตนเชื่อว่าการตายของนายทอง–นาค ต้องเกี่ยวข้องกับการต่อต้านโรงงานถ่านหิน เพราะผู้ตายไม่เคยมีเรื่องกับใคร ก่อนเกิดเหตุมีการปล่อยข่าวการจะเอาชีวิตนายทองนาคและได้เข้าแจ้งความไว้ แล้ว แต่ไม่มีหลักฐานที่พอจะรู้ตัวคนร้าย ต่อไปทางกลุ่มก็จะต่อต้านโรงงานถ่านหินต่อไป ส่วนศพนายทองนาคจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดศิริมงคล ต.บ้านเกาะ อ.เมือง–สมุทรสาคร

ด้านนายชาญชัย รุ่งโรจน์สาคร อายุ 54 ปี หนึ่งในแกนนำต่อต้านถ่านหิน กล่าวว่า แนวทางการต่อสู้ เพื่อขับไล่โรงงานถ่านหินจะดำเนินการต่อไป และจะไม่ยอมให้นายทองนาคเสียชีวิตฟรีๆ ตอนนี้เรากำลังปลุกกระแสต่อต้าน โดยจะนำศพของนายทองนาคแห่ไปรอบๆตลาดที่ อ.เมืองสมุทรสาคร ตนอยากจะให้ตำรวจช่วยดูแลคุ้มครองแกนนำทั้งหมด ทุกคนที่เป็นแกนนำจะต่อสู้อย่างเต็มที่ ถึงจะตายอีกสักกี่คนก็จะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะได้สู้มาแล้ว 5-6 ปี

ทาง ด้าน พ.ต.ท.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา นพ. (สบ 4) เปิดเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายทองนาคเนื่องจากว่าถูกกระสุนปืนขนาด .357 มม. จำนวน 6 นัด เข้าที่หัวใจ ปอด ตับ โดยกระสุนปืนฝังใน 3 นัด ทะลุ 3 นัด ในลักษณะจากซ้ายไปขวา จากหลังไปหน้า และจากบนลงล่าง ทำให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้มาอำนวยความสะดวกในการนำศพนายทองนาคออกจากสถาบันนิติเวช โดย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานถึงสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นใน จังหวัดสมุทรสาครมาบ้าง และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายถึงขั้นนี้ เบื้องต้นจะให้ทาง บช.ภ.7 เข้าไปดูแลเรื่องความปลอดภัยของนางจอมขวัญและกลุ่มแกนนำ และจะประสานทาง บก.ป. เข้าทำคดี แต่ถ้าจำเป็นอาจให้ทาง บช.ก.เข้าไปทำคดี และจะระดมกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามคนร้ายและผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ ได้ ส่วนมือปืนน่าจะเป็นมือปืนรับจ้าง

ต่อมาญาตินำศพนายทองนาคไป บรรจุที่วัดศิริมงคล โดยมีผู้นำชุมชนและชาวบ้านมาร่วมไว้อาลัยราว 300 คน ซึ่งนางสวันดี เสวกจินดา พี่สาวผู้ตาย กล่าวว่าจะเก็บศพไว้เพื่อรอการเผาเป็นเวลา 1 ปี ตามประเพณีของชาวมอญรามัญ ตนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ภูมิใจในตัวน้องชาย ส่วนนายกัมพล ทองชิว อายุ 51 ปี แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อคุณภาพชีวิตจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ในวันสองวันนี้จะมีการแห่สัญลักษณ์ผู้ตาย เพื่อให้ชาวบ้านที่ยังไม่ได้รับรู้ รับทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่รณรงค์เรื่องสิ่ง แวดล้อม โดยคาดว่าจะเป็นเช้าวันที่ 31 ก.ค.นี้

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ชัยชาญ ปุระธนานนท์ ผกก.สส.ภ.จ.สมุทรสาคร เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 ได้เดินทางมาที่ บก. ภ.จ.สมุทรสาคร ร่วมประชุมวางแผนคลี่คลายคดี มีการแบ่งงานให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆไปดำเนินการ ประกอบด้วย ตร.7 ชุดสืบสวน บก.ภ.จ.สมุทรสาคร และ สภ.เมืองสมุทรสาคร นอกจากนี้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 ป. นำทีมสืบสวนกองปราบปรามลงพื้นที่เพื่อร่วมคลี่คลายคดีด้วย ส่วนปมสังหารเชื่อว่ามาจากเรื่องถ่านหิน เพราะมีผู้เสียผลประโยชน์หลายฝ่าย อาทิ สถานประกอบการและธุรกิจต่อเนื่องทั้งเรือและรถในการขนส่ง และจากการตรวจสอบภาพวงจรปิด พบว่าคนร้ายเป็นชายอายุไม่เกิน 25 ปี ทั้ง 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีเหลืองดำ 125 GTX ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ผู้ใดมีเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมขอให้แจ้งมาที่ตน หมายเลขโทรศัพท์ 08-1310-1198 จะมีรางวัลให้จำนวน 50,000 บาท

ต่อมา พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์ ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.จ.7 พ.ต.ต.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาคร นำกำลังพร้อมหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 55/5 ม.4 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของนายธนยศ วงศ์พิมพ์ อายุ 53 ปี เจ้าของรถบรรทุกถ่านหินที่ถูกนายทองนาค ผู้ตาย และกลุ่มต่อต้านถ่านหินชี้ให้ตำรวจจับกุม ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงเก็บเอกสารและโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในบ้านไปตรวจสอบ

จากนั้น นายธนายศกล่าวว่า ตนมีอาชีพทำรถแบ็กโฮ และรับจ้างขนถ่ายสินค้า รับจ้างวิ่งถ่านหิน ตนไม่รู้เบอร์ ไม่มีอะไรกับผู้ตาย และผลประโยชน์ไม่ขัดกับผู้ตาย แต่ผู้ตายทำให้ผู้อื่นเสียผลประโยชน์ไปมาก แต่ละบริษัทต้องเสียหายราว 200-300 ล้านบาท เรื่องของรถสิบล้อที่โดนจับน้ำหนักเกิน เขาคงคิดว่าตนเจ็บแค้นเขา ซึ่งการโดนจับเป็นไปตามกระบวนการของศาล ซึ่งเมื่อศาลปรับเสร็จก็คืนรถเท่านั้นก็จบ

บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. สั่งการให้ตำรวจกองปราบปราม ประกอบด้วย พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเป็นแกนนำม็อบถ่านหินที่ประท้วงปิดถนนพระราม 2 จากนั้นไม่นานมีการโทรศัพท์มาข่มขู่ผู้ตายจนต้องไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ก่อนที่จะมาถูกสังหาร ส่วนการสังหารในครั้งนี้คาดว่าเป็นเรื่องขัดแย้งการขนย้ายถ่านหินในพื้นที่ ต.ท่าทราย ประเด็นเดียวแต่ยังไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆ คงต้องรอการสอบสวนอีกสัก 2-3 วัน ถึงจะสรุปได้ว่าสาเหตุการสังหารมาจากเรื่องใด

ที่พรรคประชา ธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายทองนาค เสวก–จินดา แกนนำผู้ชุมนุมต่อต้านผู้ประกอบการถ่านหินในจ.สมุทรสาคร โดนสังหารว่า เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดู และต้องให้ความมั่นใจ เพราะเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องการเห็นการคุกคามการใช้เสรีภาพในการเคลื่อนไหว เรื่องใดทั้งสิ้น ดังนั้น เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการ

ที่มา
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ภาพบรรยากาศการทำงาน




ภาพป้ายต่อต้านโรงงานถ่านหิน