จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

'เพรียวพันธ์' เข้มกวาดอาวุธ ส่งรถเอกซเรย์ดักตรวจจับ!

“พล.ต.อ.เพรียวพันธ์” เต้นผาง เหตุอาวุธปืนระบาดเกลื่อนถนน เกิดเหตุยิงกันไม่เว้นแต่ละวัน เป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ลุยเองเรียกประชุมหน่วยที่เกี่ยวข้อง ประกาศกำราบทั้งผู้มีอิทธิพล วัยรุ่นป่วนเมือง และแก๊งยาเสพติด ตั้ง “สมยศ-วรพงษ์-ชัยวัฒน์-คำรณวิทย์” คุมพื้นที่กรุงเทพฯนำร่อง สั่งรถเอกซเรย์ยาเสพติด บช.ปส.ร่วมตั้งด่านตรวจ  สแกนหาปืนและยาเสพติดพื้นที่เป้าหมาย  ย้ำ  ผบช.ทุกพื้นที่ต้องเอาให้อยู่

ที่ สตช. เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. มีหนังสือแจ้งด่วนเรียก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการ ผบช.น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.บก.สปพ. พ.ต.อ.ทิวา โสภาเจริญ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.ประชุมด่วนที่ห้องประชุม 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในวันที่ 21 มิ.ย. เพื่อหามาตรการป้องกันเหตุแก๊งวัยรุ่น แก๊ง จยย.ซิ่ง และผู้มีอิทธิพลใช้อาวุธปืนก่อเหตุคดีสะเทือนขวัญหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการป้องกันเหตุความรุนแรงที่เกิด จากกลุ่มวัยรุ่น แก๊ง จยย.ซิ่ง และแก๊งผู้มีอิทธิพลใช้อาวุธปืนก่อเหตุ จนทำให้ผู้ที่บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับคำร้องเรียนเข้ามามาก โดยมีคำสั่งกำชับ ผบช.ที่รับผิดชอบทุกพื้นที่ให้เพิ่มมาตรการตรวจค้น กดดัน และจับกุมกลุ่มเป้าหมาย ที่มีประวัติพัวพันก่อเหตุในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการปล่อยปละละเลยให้พกพาอาวุธปืนเข้าไปเที่ยวตามสถานบริการ หรือพกพาอาวุธ เพื่อใช้ก่อเหตุล้างแค้นคู่กรณี จนเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่รู้เรื่องได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องพยายามทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ ไม่ต้องมาคอยนั่งหวาดระแวงกับการใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งเรื่องอาวุธปืนเป็นเรื่องสำคัญเป็นต้นตอของการก่อคดีอาชญากรรม

พล.ต.อ. เพรียวพันธ์กล่าวอีกว่า จะมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการ ผบช.น. จัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ บช.ปส. บก.สปพ. และคอมมอนโด กองปราบปราม ร่วมตั้งด่านตรวจค้นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุ โดยให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์กำหนดเป้าหมายในการตั้งด่านตรวจค้น ทั้งแหล่งชุมชน สถานบันเทิงที่มีประวัติก่อเหตุ ค้ายาเสพติดและมีคดีใช้อาวุธยิงผู้อื่น โดยจะนำรถยนต์เอ็กซเรย์ยาเสพติด 4 คัน และ รถโมบายติดตั้งเครื่องตรวจทะเบียนรถของ บช.ปส.ใช้ตรวจเอ็กซเรย์รถที่พกพาอาวุธและยาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯ เครื่องจะสแกนข้อมูลอาวุธปืน ระเบิด และยาเสพติด ไม่จำเป็นต้องตรวจค้นรถทุกคัน เพื่อให้กระทบความเดือดร้อนประชาชนด้านจราจรน้อยที่สุด ขอเตือนกลุ่มนักเที่ยว วัยรุ่น ผู้มีอิทธิพลว่า สตช. มีนโยบายชัดเจนเรื่องอาวุธปืนและยาเสพติดจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด

“ตำรวจ จะไม่ใช้การตรวจค้นอย่างที่ผ่านมาเท่านั้น เพราะบางทีตรวจไม่พบ ทำให้เกิดปัญหากับประชาชนทั่วไป แต่เครื่องเอ็กซเรย์จะเป็นเครื่องมือตรวจสอบได้ละเอียดทั้งวัตถุต้องสงสัย อาวุธปืน ยาเสพติด ใช้ตรวจค้นจับกุมยาเสพติดได้ผลในเส้นทางลำเลียงหลักพื้นที่ภาคเหนือ จะต้องเอาให้อยู่ให้ได้เพราะประชาชนเดือดร้อน เป็นการทำให้ประชาชน รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่สบายใจที่จะปล่อยลูกหลานออกนอกบ้าน เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น เป็นหน้าที่ตำรวจ ผู้ที่มีอำนาจแก๊งวัยรุ่นซิ่งป่วนเมืองที่คิดพกพาอาวุธเพื่อก่อเหตุทำร้าย ผู้อื่นขอให้ระวังให้ดี หากจับกุมได้จะดำเนินการไม่มีการละเว้น ขอสั่งให้ตำรวจทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มตรวจค้นอาวุธและยาเสพติด โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีอิทธิพล แก๊งวัยรุ่น เพื่อสกัดกั้นต้นเหตุของเหตุรุนแรงให้ได้ เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้พกปืนมายิงกันกลางถนนหรือชุมชนอย่างไม่ เกรงกลัวกฎหมาย” ผบ.ตร.กล่าว

ขอขอบคุณ ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ