จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตร.ได้ภาพ 2 มือปืนดับแกนนำต้านถ่านหินมหาชัยแล้ว! "มาร์ค"สั่งเร่งสางคดีเหตุเป็นการคุกคามเสรีภาพ



"ภาณุพงศ์"ลุยมหาชัยสางคดียิงแกนนำต่อต้านถ่านหิน!มั่นใจสาวถึงผู้บงการได้แน่ หลังมือปืนทิ้งหลักฐานเพียบ

ตร.มหาชัย ดูภาพวงจรปิดคนร้าย พร้อมไฟเขียวแกนนำพกอาวุธป้องกันตัวเอง ด้านแกนนำเดินหน้าต้านโรงงานถ่านหิน เตรียมนำรูปผู้ตายแห่ประจาน พร้อมหอบหลักฐานพบผู้ว่าฯ ส่วนทสจ.นัด 3 ส.ค.ลุยตรวจคลังถ่านหินมีปัญหา ภรรยา "ทองนาค" รับศพสามีเชื่อถูกสั่งเก็บ ด้าน ตร.เตรียม ส่งคนคุ้มครองภรรยาทองนาค เผยได้ภาพวงจรปิด 2 มือปืนแล้ว ด้าน "มาร์ค" สั่ง ตร.เร่งสางเหตุเป็นการคุกคามการใช้เสรีภาพในการเคลื่อนไหวของปชช.

จากกรณี 2 มือปืนบุกยิง นายทองนาค เศวกจินดา อายุ 47 ปีแกนนำต้านโรงงานถ่านหิน ม.4 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร เสียชีวิตคาร้านก๋วยเตี๋ยว หน้าบ้านตนเอง ก่อนซิ่ง จยย.เผ่นหนีลอยนวล

เมื่อเวลา10.00 น. วันที่ 29 ก.ค.54 นายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมงสมุทรสาคร แกนนำต่อต้านโรงงานถ่านหิน พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกร และประมงสมุทรสาคร กว่า 10 คน พากันเดินทางเข้าสถาบันนิติเวช กทม.เพื่อรอรับศพ นายทองนาค

นายกำจร กล่าวว่า แกนนำทั้งหมดยังเข้มแข็งไม่หวั่นและย่อท้อในการเคลื่อนไหวต่อต้านถ่านหินแต่ อย่างใด แต่ขณะนี้ขอช่วยจัดการเรื่องพิธีศพนายทองนาคให้แล้วเสร็จ ก่อนจะกำหนดเคลื่อนไหวแห่นำรูปผู้ตายขึ้นรถ ไว้อาลัยประจานความไม่เอาไหนของเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้กลุ่มแกนนำเจอข่มขู่ให้หยุดเคลื่อนไหว ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่โรงพักแล้วเพียงไม่กี่วัน

ด้าน พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า ได้ประสานความร่วมมือระหว่างโรงพักท้องที่ใกล้เคียงตามคำสั่ง ผบช.ภ.7 เพื่อเพิ่มความร่วมมือกันสอดส่องสถานการณ์แปลกปลอมในกลุ่มแกนนำต้านถ่านหิน พื้นที่อื่นๆ ด้วย เช่น ระมัดระวังตัวบุคคล หรือให้ความปลอดภัย ซึ่งรับแจ้งมี 3 -4 คนถูกขู่เช่นกัน พร้อมกันนี้ได้เข้าขอดูกล้องวงจรปิดหาร่องรอย 2 คนร้าย จากนายบุญเชิด โรจน์รุ่ง ผญบ.ม.4 ท่าทราย ซึ่งวันเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์ หลบหนีผ่านหน้าบ้านของนายบุญเชิด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าลักษณะรูปพรรณ 2 คนร้าย ตรงตามที่มีพยานให้การ โดยคนขับรถใส่ชุดสีดำ ส่วนคนซ้อนท้ายใส่เสื้อสีเขียว

ขณะที่นายกำพล ทองชิว แกนนำอีกราย กล่าวว่า ตนได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด โดยนำรูปถ่ายที่แสดงให้เห็นว่า บ.เทคนิทีม จก. ซึ่งเป็น โรงงานจำหน่ายถ่านหินในพื้นที่ ม.4 ริมฝั่งท่าจีน ที่เป็นคู่กรณี ยังดำเนินการขนถ่ายถ่านหินอยู่ โดยมีรถบรรทุกถ่านหินเข้าออกอยู่ จึงถ่ายรูปไปยืนยันกับผู้ว่าฯให้จัดการ

“ส่วนเรื่องร้องขอความปลอดภัยสำหรับแกนนำ จากเจ้าหน้าที่หลังร้องขอไปทางโรงพักนั้น ยืนยันว่า ทาง พ.ต.อ.จำแรง สุดใจ ผกก.ได้เซ็นหลังนามบัตร อำนวยความสะดวกให้แก่บรรดาแกนนำ อนุญาตให้เจ้าตัวพกอาวุธประจำกายเพื่อคุ้มครองตนเองได้ชั่วคราวช่วงนี้เพราะ มีการข่มขู่ในบางรายด้วย”

ขณะที่นายสันติ บรรเทิงจิตร ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) สมุทรสาคร ในฐานะตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า หลังจัดประชุมคณะทำงาน 5 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายข้าราชการ องค์กรภาคเอกชน อปท. สมาคมสื่อสมุทรสาคร และสถานประกอบการค้าถ่านหิน ตามคำสั่งจังหวัด ครั้งที่ 2/2554 เพื่อหาข้อสรุปแก้ปัญหาถ่านหิน ที่ประชุมได้ข้อสรูปว่าในวันที่ 3 ส.ค.54 จะร่วมกันออกสำรวจการเก็บกองถ่านหิน ของผู้ประกอบการ ประกอบด้วย บ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จก. (มหาชน) บ.มหาชัย เอนเนอจี จก. บ.เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเนนท์ จก. บ.เทคนิทีม (ไทยแลนด์) จก. และ บ.เอเชียกรีน เอนเนอจี จก. (มหาชน) ซึ่งได้ผ่อนผันระยะเวลาการขนย้าย หรือจำหน่ายถ่านหินออกไปให้หมด ก่อนเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ด้าน อบต.ท่าทราย อ.เมือง หลังมีปัญหาดังกล่าว ล่าสุด อบต.ได้นำหนังสือคำสั่งที่ได้ส่งถึง บ.เทคนิทีม(ไทยแลนด์)จก. ให้หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว ออกมาเปิดเผยเพื่อยืนยันว่าได้มีคำสั่งให้บริษัทดังกล่าว หยุดดำเนินกิจการไปแล้ว โดยล่าสุดหนังสือดังกล่าวได้ถึงมือนายสันติ ผอ.ทสจ.สมุทรสาคร เรียบร้อยแล้ว แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่าหนังสือดังกล่าวลงวันที่ 31 พ.ค.54 แต่ปรากฎว่าหลังมีคำสั่งดังกล่าวออกมาก็ยังมีการขนถ่ายถ่านหินอยู่

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 10.30 น. นางจอมขวัญ เสวกจินดา ภรรยานายทองนาค เสวกจินดา แกนนำต่อต้านโรงงานถ่านหิน ที่ถูกคนร้ายรอบยิงเสียชีวิต ได้เดินทางมารับศพนายทองนาค ที่สถานบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนางจอมขวัญ กล่าวว่า การเสียชีวิตของนายทองนาค ขั้นตอนต่อไปจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะนำตัวคนร้ายมาลงโทษ ส่วนตัวเชื่อว่าการเสียชีวิตครั้งนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับการต่อต้านโรงงาน ถ่านหินเพราะผู้ตายไม่เคยมีเรื่องกับใคร และก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเอาชีวิตกันได้ ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก ก่อนเกิดเหตุได้มีการปล่อยข่าวการเอาชีวิตของนายทองนาคมาแล้ว แต่ไม่เชื่อว่าจะใช้ความุรนแรงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานอะไรที่พอจะรู้ตัวคนร้าย ตนยังเคยเตือนนายทองนาคให้คอยระวังตัวบ้าง ต่อไปทางกลุ่มก็จะต่อต้านโรงงานถ่านหินต่อไป แต่ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก นิสัยส่วนตัวของผู้ตายเป็นคนชอบช่วยเหลือผู้อื่นทำประโยชน์ให้กับสังคมช่วย ต่อต้านโรงงานถ่านหินช่วยเหลือชุมชน สำหรับศพของนายทองนาค จะนำไปบำเพ็ญกุศล ที่วัดศิริมงคล ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองสมุทรสาคร

ด้านนายชาญชัย รุ่งโรจน์สาคร อายุ 54 ปี หนึ่งในแกนนำต่อต้านถ่านหิน กล่าวว่า แนวทางการต่อสู้เพื่อขับไล่โรงงานถ่านหิน จะดำเนินการต่อไป และจะไม่ยอมให้ นายทองนาค เสียชีวิตฟรีๆ ตอนนี้เรากำลังปลุกกระแสต่อต้านโดยการนำศพของนายทองนาค แห่ไปรอบๆตลาดที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร การกระทำครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำที่รุนแรงคนดีต้องมาถูกทำร้าย ตนอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลคุ้มครองแกนนำทั้งหมด ทุกคนที่เป็นแกนนำจะต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ก็มีบางคนที่ยังมีความกลัวอยู่ แต่ทุกคนกำลังใจดี ถึงจะตายอีกซักกี่คนก็จะสู้ให้ถึงที่สุดเพราะได้สู้มาแล้ว 5-6 ปี และเชื่อว่าสาเหตุการตายเกิดจากโรงงานถ่านหินแน่นอน ส่วนใครอยู่เบื้องหลังการตายเชื่อว่า เป็นการจ้างวาน จึงอยากจะฝากไปถึงผู้เกี่ยวข้องกับทางกลุ่มโรงงาน ว่าพวกท่านมีเงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่ซื้อไม่ได้คือกฎแห่งกรรมไม่ว่าจะมีเงินแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้ เราจะต่อสู้ในทุกรูปแบบ ไม่ยอมให้กลุ่มผู้มีอิทธิพล จะได้ประโยชน์กับการทำถ่านหิน เพราะประชาชนเดือดร้อนกับการทำถ่านหิน เนื่องจากกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และอยากจะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ให้เกิด ความเป็นธรรม

ส่วน พ.ต.ท.วิรุฬห์ ศุภสิงห์ศิริปรีชา นพ.(สบ4) กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายทองนาคเนื่องจากว่าถูกกระสุนปืน ขนาด .357 มม. จำนวน 6 นัดเข้าที่หัวใจ ปอด ตับ โดยกระสุนปืนฝังใน 3 นัด ทะลุ 3 นัด ในลักษณะจากซ้ายไปขวา จากหลังไปหน้า และจากบนลงล่าง ทำให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

โดยในช่วงบ่าย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ10 ) ได้เดินทางมาอำนวยความสะดวกในการนำศพนายทองนาค ออกจากสถาบันนิติเวช เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจและสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานถึงสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นใน จังหวัดสมุทรสาครมาบ้าง และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแล ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายถึงขั้นนี้ เบื้องต้นจะให้ทาง บช.ภ.7 เข้าไปดูแลเรื่องความปลอดภัยของนางจอมขวัญ และกลุ่มแกนนำ และจะประสานทาง บก.ป. ลงไปในพื้นที่เพื่อเข้าทำคดีอีกทาง ถ้ามีความจำเป็นอาจให้ทาง บช.ก.เข้าไปทำคดี ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามคนร้ายและผู้ที่ เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนมือปืนรายนี้น่าจะเป็นมือปืนรับจ้าง จากแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่มีข้อมูลในระดับหนึ่งแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญและอุกอาจในการยิงแกนนำในครั้งนี้ ถือว่าไม่เกรงกลัวกฏหมายบ้านเมือง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก.จึงได้สั่งการให้ตำรวจกองปราบปราม ลงพื้นที่สืบสวนช่วยตำรวจพื้นที่ โดยผ่าน ผบก.ป. จึงได้สั่งให้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ สว.กก.5 บก.ป.และ ร.ต.ท. วิเชียร ตู้ทอง รอง สว. กก.5 บก.ป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่อีกแรง

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายเป็นแกนนำม็อบถ่านหินที่ประท้วงปิดถนนพระราม 2 ที่ผ่านมา จากนั้นไม่นานมีการโทรศัพท์มาข่มขู่ผู้ตายจนกระทั้งผู้ตายต้องไปแจ้งความไว้ ที่ สภ.เมือง จ.สมุทรสาคร ก่อนที่จะมาถูกสังหารดังกล่าว ส่วนการสังหารในครั้งนี้คาดว่าจะเป็นประเด็นเรื่องขัดแย้งการขนย้ายถ่านหิน ในพื้นที่ ต.ท่าทราย ประเดนเดียวเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆ คงต้องรอการสอบสวนอีกสัก 2-3 วัน ถึงจะสรุปได้ว่าสาเหตุหารสังหารมาจากเรื่องใด

รายงานข่าวคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์แบบผู้หญิง ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ-เหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ภาพวงจรปิดในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ สำหรับนายทองนาคเป็นแกนนำคนสำคัญในพื้นที่ตำบลท่าทราย ที่ต่อต้านโรงงานถ่านหินในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ท่าทราย มานานกว่า 2 ปีแล้ว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการร่วมเบญจภาคีของ จ.สมุทรสาคร เพื่อเข้าตรวจสอบสถานประกอบการถ่านหินอีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมานำชาวบ้านหลายพันคนปิดถนนเจรจากับผู้ว่าฯ ในที่สุดมีคำสั่งให้ยุติการขนถ่านหินชั่วคราว แต่โรงงานยังลักลอบขน ทำให้นายทองนาคพาชาวบ้านสกัดจับรถขนถ่านหิน เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยส่งให้ตำรวจดำเนินคดี

และเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา นายทองนาคไปขึ้นศาลปกครองเพื่อเป็นพยานในการดำเนินคดีกับบริษัทเทคนิคทีม ที่นำถ่านหินเข้ามาในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.ท่าทราย โดยมีคดีความกันมาตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายน 2553 หลังกลับจากศาลก็เรียกประชุมแกนนำ โดยนายทองนาคระบุว่ามีคนข่มขู่ให้ระวังตัวให้ดี จึงแจ้งแกนนำทุกคนให้เพิ่มความระมัดระวัง แต่สุดท้าย ก็เกิดเรื่องร้ายขึ้นจนได้

ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางเจ้า หน้าที่ต้องเร่งดู และต้องให้ความมั่นใจ ว่าเราไม่ต้องการเห็นการคุกคามการใช้เสรีภาพ ในการเคลื่อนไหวเรื่องใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องมีการดำเนินการ

ที่มา

หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

ไม่มีความคิดเห็น: