วันพฤหัสบดี ที่ 18 สิงหาคม 2554
ได้ทราบข่าวนายกรัฐมนตรีอังกฤษร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกันในการวางแนงทางป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบนท้องถนน หลังจากเกิดเหตุจลาจลปล้นสะดมเผาบ้านเผาเมืองเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจาก
พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป.ก็เห็นว่ามีประเด็น่าสนใจและน่าเป็นห่วงอยู่
ไม่น้อย
1.ปัญหา วัยรุ่นเมืองผู้ดีที่เกิดขึ้นทำให้อดเป็นห่วงวัยรุ่นไทยไม่ได้เพราะเมื่อไม่ นานมานี้มีข่าวเด็กไทยที่เก่งคณิตศาสตร์ระดับประเทศตกเป็นทาสยาเสพติด ถูกจับขณะใส่ชุดนักเรียนไปมั่วสุมเสพยา
อีก ทั้งยังมีผลสำรวจเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนไทยพบว่าเด็กเมืองกรุงติดยาเสพ ติดกว่า 2 แสนคน และติดการพนันงอมแงมแล้ว แต่ละรายการล้วนเป็นภัยร้าย
แรงที่ส่งผลต่ออนาคตของประเทศเลยก็ว่าได้เพราะเป็นการบ่อนทำลายจากเนื้อในของสังคมในรูปแบบที่ขอใช้คำว่า "ระเบิดเวลา" (หากใครเคยสัมผัสชุมชนย่านคลองเตยจะเห็นภาพชัดขึ้น)
2.ขนาด ต้นแบบตำรวจของโลกยังประสบปัญหาในการรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนต้องมี การร้องขอผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกาคนดังกล่าว คือ "วิลเลียม แบรตตัน" (อดีตผู้บัญชาการตำรวจที่เป็นผู้ลดสถิติอาชญากรรมได้เป็นคนแรกคนโลก ซึ่งมีประสบการณ์ดูแลความสงบเรียบร้อยและแก้ปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะพวกกลุ่มแก๊ง ในเมืองใหญ่ๆอย่าง นิวยอร์ก ลอสแองเจลีส และบอสตันมาช่วยให้คำแนะนำ
3.น่ายินดีที่ "วิลเลียม แบรตตัน" ผู้นี้เป็นคนเดียวกับที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) นำแนวคิดและการปฏิบัติมาประยุกต์ใช้มานานแล้ว ล่าสุดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นแนวคิดและทฤษฎีตำรวจยุคใหม่กันใน "โรงเรียนตำรวจนอกเวลา" ที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ริ เริ่มขึ้น และมีการเรียนการสอนเป็นหลักสูตรนำร่องระยะสั้นๆไปแล้วเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อเสริมความรู้ให้กับตำรวจในสังกัด แต่น่าเสียดายที่การปฏิบัติยังอยู่ในวงจำกัด
4.ล่า สุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไฟไหม้ฟาง (ไม่รู้ครั้งที่เท่าไร) สั่งกวาดล้างยาเสพติดโดยเฉพาะผู้เสพและผู้ค้ารายย่อย รวมทั้งจัดทำบัญชีดำภายใน 15 วัน แต่ เป็นแผนงานด้านเดียว คือ ปราบปราม ไม่มีแผนด้านการป้องกัน และไม่มีการพูดถึงแผนงานในระยะยาว ถึงกระนั้นทั้งหมดที่ตั้งข้อสังเกตอาจมีการกำหนดเป็นยุทธศาสตร์การทำงานของตำรวจอยู่แล้วแต่การทำงานไม่เป็นระบบ ที่สำคัญไม่จริงจัง และขาดความจริงใจ ถึงได้ไหม้ฟางอยู่ร่ำไป
5.เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าปัญหากลุ่มแก๊งของเยาวชนไทยที่สะท้อนให้เห็นผ่านกรณี "ช่างกลตีกัน" หรือ "เด็กแว้น" หรือ "การรวมตัวกันรุมโทรม" ยังเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข หรือหากมีก็ไม่เป็นระบบ ยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหยิง ซ้ำร้ายกลับมาสร้างปัญหาใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก
ถามว่า "ลอนดอนโมเดล" มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ ตอบได้ทันทีว่า "มี" ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทควรเตรียมการรับมือไว้เสียแต่เนิ่นๆ ไม่ใช่แค่การเผชิญเหตุ แต่ เป็นแผนระยะยาวซึ่งส่วนตัวเห็นว่าตำรวจเป็นหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพสามารถ เป็นแม่งานได้เพราะมีองค์ความรู้ มีกรณีศึกษา และมีโครงการนำร่องอยู่แล้วที่จะผลักดันให้เป็นผลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเกราะป้องกันให้กับเยาวชนไทยต่อไป
และ ขอส่งผ่านความเห็นนี้ไปถึงรัฐบาลใหม่โปรดให้ความสำคัญกับเรื่องเด็กและ เยาวชนด้วย อย่างเพิ่งห่วงเรื่อง 300 บาท 15,000 บาท แทบเลต สะพานลัดข้ามอ่าวไทย หรือใครจะบินไปประเทศไหนให้มากนักเลย !!!
..........ll..........
ขอขอบคุณที่มา
http://www.oknation.net/blog/LittleLee/2011/08/18/entry-3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น