จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

​โครง​การ​โรง​เรียนตำรวจนอก​เวลา



ข่าว​การ​เมือง หนังสือพิมพ์​แนวหน้า -- จันทร์ที่ 22 สิงหาคม 2554 01:49:54 น.

อีกหนึ่ง​โครง​การดีๆ ​เพื่อ​การพัฒนาวง​การสีกากี คือ "​โรง​เรียนตำรวจนอก​เวลา" อัน​เกิดจากดำริของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ​ผู้บัญชา​การตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ภาย​ใต้กรอบ​การพัฒนาบุคลากรตำรวจของ บช.ก. ​โดย​แม่ทัพสอบสวนกลาง มุ่งหมาย​ให้​โครง​การนี้ ​เป็น​โครง​การนำร่องที่จุดประกาย​เรื่องสถาบัน​แห่ง​ความรู้ นำ​ไปสู่วิธี​การปฏิบัติของตำรวจสมัย​ใหม่

จากกรอบ​การพัฒนาบุคลากรตำรวจของ บช.ก.​ซึ่ง​เปรียบ​เสมือนหลัก​การ​และ​เหตุผล​ใน​การดำ​เนิน​โครง​การ ตลอดระยะ​เวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ระบบตำรวจ​ไทย ระบบสังคม​ไทย ​เทค​โน​โลยี​ใหม่ๆ ​และ​ความ​ไม่รู้​ในหลายๆ ​เรื่อง ​ได้​ทำร้าย ​ทำลายคนดีๆ คน​เก่งๆ ขององค์กรตำรวจ​และสังคม​ไปมากมาย ​จึง​ถึง​เวลาที่ทุกคนต้องร่วมมือกันคืนคนดี​และคน​เก่ง​ให้กับองค์กรตำรวจ​ และสังคม ​โดยสิ่ง​แรกที่ ต้อง​ทำ คือ ​การ​ให้​ความรู้ที่ถูกต้อง พัฒนาบุคลากรของตำรวจอย่างถูกวิธี

"​การพัฒนาบุคลากร​เป็น​เรื่องสำคัญ​ใครๆ ​ก็รู้ ​โดย​เฉพาะสังคมมนุษย์นั้น ​เปลี่ยน​แปลงอยู่ตลอด​เวลา สังคม​ไทย สังคม​โลก​ในอดีตกับปัจจุบันนั้นต่างกัน​เหลือ​เกิน ตำรวจต้อง​ทำงานกับสังคม ​ทำงานกับมนุษย์​จึงต้องปรับปรุง​เปลี่ยน​แปลง​เทคนิค วิธี​การ ​ให้​เท่าทัน ​และ​ทำ​ความ​เข้า​ใจ​เรื่องมนุษย์​ให้มาก" พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ กล่าว

​ทั้งนี้ ปฏิ​เสธ​ไม่​ได้ว่า ​ความรู้ของตำรวจ​ในปัจจุบันสลับซับซ้อนขึ้น ​โดยมีผล​การวิจัยพบว่า หลัก​การ​และวิธี​การ​เดิมๆ นั้น ผิดมากมายหลาย​เรื่อง ​แต่​ก็ยัง​เห็น​ใช้กันอยู่ ขณะที่​เรื่องดีๆ อีกมากที่พบ​ใหม่ ตำรวจ​ไทยกลับ​ไม่นำมา​ใช้ ​ไม่​เรียนรู้ ​หรือ​ไม่มี​ใครช่วย​ผู้ปฏิบัติอย่างจริงจัง

ผลของ​การ​ใช้วิธี​การ​แบบผิดๆ ​แบบรู้​ไม่​เท่าทัน​ในงานตำรวจ ​ก็มี​แต่จะ​ทำร้ายองค์กรตำรวจ​และสังคม ​หรืออาจ กล่าว​ได้ว่าตำรวจที่​ไม่​ได้พัฒนา ​ไม่​ได้ปรับปรุง​เทคนิค วิธี​การของตน​เอง​ให้​เท่าทัน​ความ​เปลี่ยน​แปลงของสังคม ​หรือ​ไม่​ได้รับ​เอา​ความรู้​ใหม่ที่วง​การตำรวจ​โลกค้นพบ ​และพิสูจน์​แล้วว่า ​ได้ผลมาปฏิบัตินั้น ​ก็​เป็นอัน​เชื่อ​ได้ว่า จะต้องสร้าง​ความ​เสียหาย ต่อองค์กรตำรวจ​หรือสังคม​ไม่อย่าง​ใด​ก็อย่างหนึ่ง

"​เป็น​ไป​ไม่​ได้ที่​เรียนจบจากสถาบันตำรวจ​แล้ว​ไม่ศึกษา หา​ความรู้​เพิ่ม ​หรือปรับปรุง​เทคนิควิธี​การของตน​เอง ​แล้ว คิดว่าจะสามารถ​ทำประ​โยชน์​ให้กับสังคม​และ​เป็นตำรวจที่ดี ​ได้​เต็มที่" ผบช.ก.กล่าวย้ำ​ถึง​การ​เป็นตำรวจสมัย​ใหม่ที่มุ่งกระตุ้น ​เตือน​ให้ตำรวจหมั่น​เรียนรู้​และพัฒนาตน​เองอย่างสม่ำ​เสมอ

ด้วยผล​การศึกษาวิจัยดังกล่าวข้างต้น ผบช.ก.ยัง​ใช้ประสบ​การณ์​การ​ทำงานกว่า 35 ปี สัง​เกต ค้นคว้า นำมาประกอบกับหลักวิชาตำรวจ ยืนยัน​ถึงวงจรอุบาทว์​ในงานตำรวจ ที่​เริ่มต้นด้วย​ความดี​แต่กลับจบด้วยหายนะ ​ซึ่งพบ​เห็นอยู่หลายกรณี บางครั้ง​ก็​เป็น​เพราะ​ความ​ไม่รู้ ​ไม่​ได้ศึกษา​ในสิ่งที่ถูก ​หรือ​เห็นรุ่นพี่​ทำ กันมา​ก็​ทำกัน​ไป จุดนี้​จึงต้อง​เร่งช่วย​เหลือ​และ​แก้​ไขปัญหา

​ทั้งนี้ มีข้าราช​การตำรวจที่มี ​ความตั้ง​ใจดีมีจำนวน​ไม่น้อย ​และที่อาจสิ้นหวังหมดหวัง​ก็มีมาก บางส่วน​ได้​เคยพยายาม​แก้​ไข​แล้ว​ก็มีข้อ​โต้​แย้ง จริง​แล้วตำรวจ​ทั้ง​โลก​ก็​เจอปัญหา​เหมือนกัน บางประ​เทศหนักยิ่งกว่า​เราหลาย​เท่า​เขา​ก็ยัง​แก้กัน​ได้ ทุกวันนี้ตำรวจ​ในประ​เทศต่างๆ หลายประ​เทศสามารถ​ทำงานอย่างมี​ความสุข ประชาชน​เป็นสุข สังคม​เป็นสุข ​จึง​เชื่อว่าศักยภาพของตำรวจ​ไทย​ก็​ทำ​ได้ " ขอ​ให้คิดด้านดี ตั้ง​ใจ มั่น​ใจ" ช่วยกัน​เริ่มต้น​ในสิ่งที่ดี

จากสิ่งที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ตระหนัก​ถึงข้อปัญหา ที่ต้อง​เร่งดำ​เนิน​การ ​จึง​เรียก รองผบช.ก.​และผบก.ต่างๆ ​ในสังกัด ​เข้าร่วมสัมมนากำหนดกรอบ​แนวทาง​ใน​การพัฒนา บุคลากรของบช.ก.มี​การกำหนดวิชา​เรียนหลักของ​โครง​การ ประกอบด้วย 1.ปรัชญาตำรวจ​ไทย (Thai Police Philosophy) 2.ปรัชญาตำรวจ​โลก Police Philosophy) 3.ตำรวจ​ผู้รับ​ใช้ชุมชน (Community Policing) 4.​เทคนิค​การรักษาชีวิต​ให้รอด​ใน​การปฏิบัติหน้าที่ (Street Survival) 5.ตำรวจต้องรู้จัก​เรียนรู้ผล​การกระ​ทำของตน คือ ผล​การวิจัย อะ​ไรที่​ทำ​แล้ว ​ไม่​ได้ผลตามที่ต้อง​การ (What doesn't work) ผล​การวิจัย อะ​ไรที่​ทำ​แล้ว​ได้ผลตามที่ต้อง​การ (What works) 6.​การสืบสวนสมัย​ใหม่ (New Modern Investigation) 7.​การนำตำรวจที่มีคุณภาพ​ทั้งระบบ (Total Quality) ​และ 8.​การทุจริต​และพฤติกรรม​เบี่ยง​เบนของตำรวจ (Police Corruption and Police Deviance)

ส่วนวัตถุประสงค์สำคัญ ​ก็จะมุ่ง​ให้​ความรู้ที่ถูกต้อง ​เพื่อ​ใช้​เป็น​แกนกลาง​หรือหลัก​การพื้นฐาน​แก่ตำรวจ​แต่ละหน่วย ก่อนนำ​ไปฝึกฝน หา​ความรู้​เพิ่ม​เติม​ในรายละ​เอียดของ​แต่ละคน ​แต่ละงาน ​แต่​ให้​เป็น​ไป​ใน​แนวทางที่สอดประสานกับหลัก​การ พื้นฐาน ​ไม่หลงทิศ หลงประ​เด็น ผิด​เพี้ยน​ไป ​หรือกระ​ทำผิด​เทคนิควิธี​การ ​ซึ่ง​แย่ที่สุด คือ กระ​ทำผิดกฎหมาย ที่มักมี คำกล่าวอ้างว่า "ละ​เมิดกฎหมาย​เพื่อรักษากฎหมาย" ​เพราะนั่นคือ ​การ​ทำร้ายองค์กรตำรวจ

สำหรับ​การ​เริ่มต้น​โครง​การ "​โรง​เรียนตำรวจนอก​เวลา" นั้น ผบช.ก.​ได้ถ่ายทอด​ความรู้​ให้กับ รองผบช.ก.ก่อนจะส่งต่อ​ไปยัง​ผู้บังคับ​การ (ผบก.) ​ในสังกัด จากนั้น​จึงกระจาย ​การถ่ายทอด​ความรู้​ไปสู่ข้าราช​การตำรวจ​ในระดับชั้นสัญญาบัตร จน​ถึงชั้นประทวนของ​แต่ละกองบังคับ​การ ​โดยอาศัย ​ความสมัคร​ใจของตำรวจที่จะ​เข้าร่วม​โครง​การ ​ไม่มี​การบังคับ ​และจะ​ใช้ช่วง​เวลาที่นอก​เหนือจาก​เวลาราช​การ​เพื่อ​ไม่​ให้กระทบกับ​การ ปฏิบัติภารกิจประจำ นอกจากนี้​ใน​การดำ​เนิน​โครง​การดังกล่าวจะมี​การประ​เมินผลจากนักวิชา​การ ​ซึ่ง​เป็นบุคคลภายนอกทุก​เดือน

หาก​โครง​การนี้ประสบผลสำ​เร็จ ​ก็จะมีตำรวจที่สามารถ​เป็นวิทยากรถ่ายทอด​ความรู้ส่งต่อ​ถึงกัน​เพิ่มมาก ขึ้น ​และ​การปรับ​เทคนิควิธี​การ​ทำงานของตำรวจสมัย​ใหม่จะมีประสิทธิผล ​ซึ่ง​เมื่อ​ถึงวันนั้น ​ก็​เป็น​ไป​ได้ว่า ​โครง​การนี้อาจ​ได้รับ​การขยายผลต่อ​ไปยังกองบัญชา​การอื่นๆ กระทั่งสามารถขับ​เคลื่อน​การพัฒนาองค์กรตำรวจ​ได้​ทั้งองคาพยพ

ขอบคุณที่มา

หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.ryt9.com/s/nnd/1218162

ไม่มีความคิดเห็น: