จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

" ความสำเร็จของมาตรการตำรวจรับใช้ชุมชน " สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับพื้นที่รับแจ้งเหตุทุกกรณี เพื่อวิเคราะห์และแก้ปัญหาอาชญากรรมได้ถูกต้อง

" ความสำเร็จของมาตรการตำรวจรับใช้ชุมชน "
ข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน 2555
http://www.dailynews.co.th/crime/165163


 
 สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับพื้นที่รับแจ้งเหตุทุกกรณี เพื่อวิเคราะห์และแก้ปัญหาอาชญากรรมได้ถูกต้อง ห่วงกัญชาแพร่ระบาดหลัง ลาวเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวต้นกัญชา

วันนี้(6 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ เรองผบ.ตร. ป็นประธานประชุมบริหาร มีรองผบ.ตร. ที่ปรึกษา สบ.10 ร่วมประชุม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ไปยังสำนักงานตำรวจภูธรภาค 1-9 ใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันนี้มีประชุมบริหาร โดยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมร่วมกับตำรวจสากลที่ประเทศอิตาลี ได้โทรศัพท์เข้ามาในที่ประชุม และกล่าวถึงหัวข้อการประชุมร่วมกับตำรวจสากล เรื่องการทำหน้าที่ของตำรวจชุมชนของประเทศต่างๆ ที่ได้บรรยายถึงความสำเร็จของมาตรการตำรวจรับใช้ชุมชน และเรื่องอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งผบ.ตร.ระบุว่าเมื่อกลับมาจะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตร. เพื่อดูความคืบหน้าในการดำเนินการปราบปราม
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้สั่งการไปยังทุก บช. เพื่อเป็นข้อตกลงว่าทุกพื้นที่รวมถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะรับแจ้งเหตุอาชญากรรมและเรื่องร้องเรียนทุกเรื่องที่ประชาชนเข้ามาแจ้ง ความตามความเป็นจริงทั้งหมด โดยจากการรายงานเหตุอาชญากรรมในทุกพื้นที่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ยังมีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นซ้ำๆ ในหลายสถานี จึงได้กำชับให้ผู้การจังหวัดลงไปตรวจสอบการวิเคราะห์สภาพอาชญากรรมของ สน.นั้นๆ ว่ามีความบกพร่องอย่างไร หากมีอุปสรรคหรือกำลังไม่พอให้ทางจังหวัดช่วยส่งกำลังมาเสริม
“เราต้องยอมรับความเป็นจริงให้ได้ว่ามีเหตุอาชญากรรมเกิดขึ้นจริงเท่าไหร่ อย่างไร ไม่ต้องห่วงตัวเลขสถิติอาชญากรรมจะต้องสวยหรู แต่ให้รายงานตามสภาพความเป็นจริง เพื่อประเมินมาตรการในการป้องกันและปราบปราม เพราะตัวเลขเหล่านี้จะส่งผลถึงการแก้ปัญหาอาชญากรรม การจัดกำลังตำรวจ และการรายงานข้อมูลให้กับรัฐบาลทราบถึงสภาพอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงด้วย” โฆษก สตช. กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือถึงสถานการณ์ยาเสพติดในช่วงนี้ โดย บช.ปส.ได้วิเคราะห์สรุปว่าช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.นี้จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวต้น กัญชาของประเทศลาว ซึ่งจะส่งผลให้มีการลักลอบค้ากัญชาเพิ่มมากขึ้น โดยจะมีการใช้เรือประมงและเรือรับจ้างขนาดเล็กขนกัญชาจากชายแดนไทย-ลาว และกำหนดจุดส่งมอบที่บริเวณริมแม่น้ำโขงฝั่งไทย ก่อนส่งออกนอกประเทศโดยใช้เรือบรรทุกสินค้าไปยังแถบยุโรป และใช้รถบรรทุกสินค้าไปยังภาคใต้ของไทยเพื่อส่งไปทางประเทศมาเลเซีย โดยจะไม่ใช้เส้นทางหลักในการลำเลียงเข้ามาในพื้นที่หลักของประเทศไทย ซึ่งกลุ่มนำเข้ายาเสพติดที่มีบทบาทสำคัญจะมี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1. กลุ่มจากประเทศแอฟริกา 2.กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศอิหร่าน และ 3.ประเทศมาเลเซีย โดยยาเสพติดที่นำเข้าสูงสุดมียาไอซ์ กัญชา โคเคน และเฮโรอีน โดยเฉพาะยาไอซ์มีแหล่งผลิตในประเทศไนจีเรียและกาน่า จะนำเข้ามาในรูปแบบของกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งจะซุกซ่อนในร่างกาย กระเป๋าเดินทาง อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ต่างๆ และใช้เส้นทางจากแอฟริกาตะวันตกผ่านมาเอธิโอเปียและเข้าสู่สนามบินนานาชาติ ของไทย หรือผ่านมาจากประเทศตะวันออกกลาง
จึงได้สั่งการไปยังสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ประจำด่านตรวจคนเข้า เมืองในสนามบินนานาชาติให้ตรวจเข้มนักท่องเที่ยวทุกคน เพื่อป้องกันการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามา ร่วมถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดนไทยลาว เนื่องจากผลกระทบจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ของประเทศจีน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดลงจนแห้งสนิท ทำให้กลุ่มนักค้ายาใช้ช่องทางนี้ในการส่งมอบยา จึงให้ประสานความร่วมมือกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจน้ำตรวจเข้มด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: