จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

กองปราบฯดึงวิธีสืบสวนสมัยใหม่ ปิดคดีฆ่าหั่นศพสาวไทยหมกภูเก็ต


เสาร์ 31 มีนาคม 2555



       สมกับเป็น “ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน” ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมคลี่คลายคดี ฆาตกรรมหญิงสาวชาวไทย ’ชำแหละศพ“ แล้วดองใส่ถังขยะขนาดใหญ่ปิดสก๊อตเทปกาวไว้ที่ฝาอย่างดี ก่อนนำถังขยะไปวางซุกเก็บในห้องน้ำบ้านตนเองที่ซื้อเอาไว้ใน จ.ภูเก็ต เป็นระยะเวลานานเกือบ 3 ปี ก่อนที่ตำรวจกองปราบฯจะสามารถคลี่คลายคดี จับกุมฆาตกรที่เป็นชาวต่างชาติได้เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา

       นับเป็นอีกคดีหนึ่งที่ตำรวจกองปราบปราม เข้าร่วมกับตำรวจ สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่กองวิทยาการ จ.ภูเก็ต และแพทย์นิติเวช รพ.สุราษฎร์ธานี ช่วยกันคลี่คลายคดีฆาตกรรมปริศนาสะเทือนขวัญ

       จากเบื้องหลังการจับกุมในครั้งนี้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวอาชญากรรมว่า สืบเนื่องจากมีผู้ทำหนังสือร้องเรียนมายัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. เพื่อให้ช่วยตรวจหาข้อเท็จจริง กรณี นางรุ่งนภา ราชสมบัติ อายุ 33 ปี ได้สูญหายไปนานกว่า 2 ปีแล้วหลังจากได้ไปพบสามีเก่าชาวนอร์เวย์ ที่ จ.ภูเก็ต ญาติ ๆ ได้หอบหลักฐานต่าง ๆ มามอบไว้ให้ตำรวจ

       พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ปรมาจารย์นักสืบ เจ้าของประโยค “กลับหลังหัน เริ่มต้นใหม่ เพื่อการรับใช้ที่ดีกว่า และตำรวจยุคใหม่ไม่ทำผิด” จึงสั่งกำชับให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.จัดทีมสืบสวนเข้าไปคลี่คลายคดีทันที ซึ่งชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.วัฒน์ชัย มณฑีรรัตน์ สว.กก.5 และ ร.ต.ท.ธีรพัฒน์
คารมย์ รอง สว.กก.5 ได้ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต ไปประสานงานกับ พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.ฉลอง ซึ่งก็จัดกำลังไปร่วมทำคดี ประกอบด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป. พ.ต.ท.ชวลิต เพชรศรีเปีย พ.ต.ท.ศักดิ์เดช กัมพลานุวัฒน์ สว.สส. พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.

       การคลี่คลายคดีครั้งนี้ได้แสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน โดยใช้วิธีการสืบสวนสมัยใหม่ วิเคราะห์จากหลักพฤติกรรมศาสตร์ หลักภูมิศาสตร์อาชญากร ใช้การสืบสวนทั้งสองทาง คือ จากทางด้านพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย และการคิดโดยใช้หลักตรรกะวิทยา ซึ่งทั้ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.สุพิศาล ได้เคยไปศึกษามาจากประเทศแคนาดาและประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำมาถ่ายทอดให้กับนักสืบรุ่นใหม่ ๆ ของบช.ก. ส่งผลให้ชุดสืบสวนของกองปราบฯและสภ.ฉลอง ร่วมกันทำงานเก็บข้อมูลอย่างละเอียดทุกชิ้นที่มีอยู่ทั้งหมด เนื่องจากผู้ตายก่อนสูญหายได้มาพบกับผู้ต้องสงสัยที่ จ.ภูเก็ต

       กระทั่งศาลจังหวัดภูเก็ต ได้ไต่สวนคำร้องพิเคราะห์จากพยานหลักฐานของทีมสืบสวนชุดนี้ที่นำมายื่นให้ ไว้อย่างละเอียดเชื่อว่าเรื่องราวและคดีมีมูล จึงได้อนุมัติหมายค้นให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการค้นบ้านพักของ นายสแตน ฮาเวิร์ด ด๊อกเซ็ท อายุ 50 ปี สัญชาตินอร์เวย์ อดีตสามีของผู้ตาย ที่เข้ามาปักหลักทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย ซึ่งมีบ้านพักทั้งที่ จ.ภูเก็ต และอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่เป้าหมายที่ตำรวจสงสัยคือ บ้านพักแบบเรือนไทยอยู่ในจ.ภูเก็ต ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบถังขยะแบบล้อลากขนาดใหญ่ ถูกปิดฝาด้วยสก๊อตเทปอย่างดี เมื่อเปิดออกดูถึงกับผงะ เพราะพบเศษชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ ถูกชำแหละเป็นชิ้น จนเกือบย่อยสลายรวมเป็นก้อนใหญ่อยู่ในถังขยะ

       แพทย์นิติเวชยืนยันว่าศพดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์และท่อนกระดูกแล้ว ระบุเป็นผู้หญิง ศีรษะยังมีบาดแผลร่องรอยถูกกระแทกด้วยของแข็ง เมื่อตำรวจพบหลักฐานชิ้นสำคัญ จึงได้จับกุมตัวนายสแตน มาสอบสวนดำเนินคดีให้การรับสารภาพ อ้างว่าเหตุที่ทำไปตนเกิดความหึงหวงมีปากเสียงกับผู้ตาย เหตุเกิดช่วงกลางปี 2552 เนื่องจากผู้ตายมาบอกเลิกราจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรงและได้ผลักผู้ตายล้ม ศีรษะกระแทกกับพื้นอย่างแรงปรากฏว่าผู้ตายเสียชีวิต

       “แต่เนื่องจากความที่รักผู้ตายมากและเกรงกลัวความผิดเพราะทราบว่าแฟนใหม่ผู้ ตายเป็นตำรวจจึงตัดสินใจชำแหละศพ โดยใช้ความรู้ในทางด้านเภสัชฯซึ่งเคยศึกษามาจากนอร์เวย์ ซื้อน้ำยามาดองศพไว้ในถังขยะ ปิดด้วยถุงพลาสติกสีดำ ก่อนที่จะเก็บไว้ในห้องน้ำปิดล็อกเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปใช้เด็ดขาด ในรอบ 3 เดือนจะเคลื่อนถังขยะไปยังอีกห้อง บริเวณใกล้กัน เพื่อทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ จะเป็นผู้ทำความสะอาดเอง โดยไม่ใช้แม่บ้าน”

       นับเป็นคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญอีกคดี ที่ตำรวจกองปราบฯ ได้นำความรู้วิชาการตำรวจสมัยใหม่มาใช้ร่วมคลี่คลายคดี สมกับเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน.

อำนวย ควบคุม ถ่ายภาพ / รัชพล ยี่สุ่น รายงาน
ขอขอบคุณ ข้อมุลจาก เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น: