"สรรพวุฒิ" เยี่ยมตำรวจรับใช้ชุมชน
วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2555 เวลา 18:19 น.
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่ชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม พล.ต.ต.สรรพวุฒิ พิพัฒพันธุ์
รองผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัช สุกแก้วณรงค์ รองผบก.ทล. พ.ต.อ.เอกราช
ลิ้มสังกาศ ผกก.ถปภ.บก.ทล. พ.ต.ต.หญิง นฤมล ทองสะอาด สว.ฝอ.บก.ทล.
พ.ต.อ.ดร.สัญญา เนียมประดิษฐ์ รองผกก.4 บก.ปคบ.
ในฐานะทีมบริหารโครงการ คืนชุมชนสีขาวให้สังคม
พร้อมด้วยคณะทำงานและคณะสังเกตการณ์
ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของโครงการตำรวจคืนชุมชนสีขาวให้สังคม
ภายใต้หลักการตำรวจผู้รับใช้ชุมชน (Community Policing)
ที่ทำการตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ณ ชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม ม. 8 ต.กุยบุรี
อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี นายณรงค์ศักดิ์ พิพัฒน์เสถียรไทย กำนัน
นายมนตรี บุญเกิด ผู้ใหญ่บ้าน นายเอกวี อุบลบาล
ผอ.กองการศึกษาเทศบาลต.กุยบุรี พร้อมคณะกรรมการหมู่บ้าน ร.ต.ต.ตระกูล
ธรรมเพชร รองสว.ส.ทล.3 กก. 2 บกทล. และ ด.ต. ประจวบ จันทรโชติ ผบ.หมู่
ส.ทล.3 กก. 2 บก.ทล.
เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตำรวจผู้รับใช้ชุมชนให้การต้อนรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ศักดิ์ ได้เป็นประธานการประชุมระหว่าง ตำรวจรับใช้ชุมชนและคณะกรรมการชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ปัญหายาเสพติด การดำเนินคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด มีคณะกรรมการเสนอแนวทางสุ่มตรวจปัสสาวะและบางรายต้องการให้แก้ไขปัญหาคุณภาพ ชีวิต แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีแนวทางอย่างไร ทั้งนี้ ผู้บริหารโครงการได้เสนอว่า ตำรวจรับใช้ชุมชนจะนำปัญหาไปเสนอส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของชุมชนต้องหาแนวทางการอยู่ร่วมกัน และคนในสังคมเองต้องช่วยกันแก้ไขเบื้องต้น ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอกราชได้ยกตัวอย่างการกรณีชุมชนแห่งหนึ่งในจ.เพชรบูรณ์ที่นำวัยรุ่น ที่เคยติดยามาร่วมเป็นตัวแทนของชุมชนทำให้ไม่หวนกลับไปเสพยาอีก ขณะที่ พ.ต.อ.ดร.สัญญา ยกตัวอย่างแฟลตแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่มีนักค้ายาอยู่ แต่คนในแฟลตมีความเห็นให้ปิดทางเข้าออกเหลือทางเดียวทำให้ผู้เสพและนักค้า รายย่อยไม่กล้าเข้ามาซื้อยาในแฟลตดังกล่าวเพราะกลัวถูกตำรวจจับกุม และให้ข้อแนะนำว่า การมองปัญหาต้องไปดูถึงต้นตอของสาเหตุเช่น ทำไมเยาวชนไม่เข้าเรียน สามีภรรยาตีกัน ซึ่งสังคมสามารถช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางตำรวจรับใช้ชุมชนอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จแต่ยืนยีนว่าเป็นวิธี ที่ดีที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.สรรพวุฒิ กล่าวว่า ถือว่าโครงการตำรวจรับใช้ชุมชนที่ชุมชนหมู่บ้านท่าข้ามประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้ บก.ทล. มีตำรวจรับใช้ชุมชนจำนวน 40 ชุมชน หลายที่สามารถกันนักค้ายาไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ได้ และประชาชนในพื้นที่ก็พอใจ และหลายชุมชนตำรวจในโครงการสามารถดึงตัวแทนชุมชนมาเป็นคณะกรรมการและมีส่วน ร่วมในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนร่วมกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวถูกกำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของตร. ที่จะต้องดำเนินการระหว่างปี 2555-2564 แม้ขณะนี้ ทางบช.ก.จะเป็นผู้นำร่องไปก่อน แต่จากนี้ไปแต่ละ บช. และท้องที่จะต้องเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า หมู่บ้านท่าข้ามได้ร่วมโครงการตำรวจรับใช้ชุมชนมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ในช่วงแรกชาวบ้านยังไม่เข้าใจว่าโครงการดังกล่าวคืออะไร เมื่อนายตำรวจทั้ง 2 นายพยายามอธิบายทำความเข้าใจและรวบรวมชาวบ้านมาเป็นคณะกรรมการช่วยกันร่วม โครงการโดยครั้งแรก ทางตำรวจได้สอบถามถึงปัญหาที่ทางหมู่บ้านต้องการให้แก้ไข ทางคณะกรรมการเสนอหลายอย่างทั้ง แก้ปัญหายาเสพติด และอาชญากรรม ในที่สุดก็เริ่มจากพัฒนาศาลาตาแดงที่เป็นแหล่งมั่วสุมยาของให้สวยงาม ตัดต้นไม้ที่ขึ้นรถให้มีความสวยงาม ปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่าง ติดป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ใน่ส่วนของย่าเสพติดยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่หมู่บ้านต้องการให้แก้ไข และอยู่ระหว่างแนวทางที่ดีที่สุด
สำหรับชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม มีประชากรประมาณ 800 คน หรือ 200 หลังคาเรือน แบ่งเป็นเยาวชนประมาณ 60คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่สับปะรด มะพร้าวและลูกจ้างโรงงานสับปะรด
ขอบคุณข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/crime/156395
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ศักดิ์ ได้เป็นประธานการประชุมระหว่าง ตำรวจรับใช้ชุมชนและคณะกรรมการชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ปัญหายาเสพติด การดำเนินคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด มีคณะกรรมการเสนอแนวทางสุ่มตรวจปัสสาวะและบางรายต้องการให้แก้ไขปัญหาคุณภาพ ชีวิต แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีแนวทางอย่างไร ทั้งนี้ ผู้บริหารโครงการได้เสนอว่า ตำรวจรับใช้ชุมชนจะนำปัญหาไปเสนอส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของชุมชนต้องหาแนวทางการอยู่ร่วมกัน และคนในสังคมเองต้องช่วยกันแก้ไขเบื้องต้น ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอกราชได้ยกตัวอย่างการกรณีชุมชนแห่งหนึ่งในจ.เพชรบูรณ์ที่นำวัยรุ่น ที่เคยติดยามาร่วมเป็นตัวแทนของชุมชนทำให้ไม่หวนกลับไปเสพยาอีก ขณะที่ พ.ต.อ.ดร.สัญญา ยกตัวอย่างแฟลตแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่มีนักค้ายาอยู่ แต่คนในแฟลตมีความเห็นให้ปิดทางเข้าออกเหลือทางเดียวทำให้ผู้เสพและนักค้า รายย่อยไม่กล้าเข้ามาซื้อยาในแฟลตดังกล่าวเพราะกลัวถูกตำรวจจับกุม และให้ข้อแนะนำว่า การมองปัญหาต้องไปดูถึงต้นตอของสาเหตุเช่น ทำไมเยาวชนไม่เข้าเรียน สามีภรรยาตีกัน ซึ่งสังคมสามารถช่วยกันดูแลซึ่งกันและกันได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางตำรวจรับใช้ชุมชนอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จแต่ยืนยีนว่าเป็นวิธี ที่ดีที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.สรรพวุฒิ กล่าวว่า ถือว่าโครงการตำรวจรับใช้ชุมชนที่ชุมชนหมู่บ้านท่าข้ามประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้ บก.ทล. มีตำรวจรับใช้ชุมชนจำนวน 40 ชุมชน หลายที่สามารถกันนักค้ายาไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ได้ และประชาชนในพื้นที่ก็พอใจ และหลายชุมชนตำรวจในโครงการสามารถดึงตัวแทนชุมชนมาเป็นคณะกรรมการและมีส่วน ร่วมในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชนร่วมกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวถูกกำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของตร. ที่จะต้องดำเนินการระหว่างปี 2555-2564 แม้ขณะนี้ ทางบช.ก.จะเป็นผู้นำร่องไปก่อน แต่จากนี้ไปแต่ละ บช. และท้องที่จะต้องเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า หมู่บ้านท่าข้ามได้ร่วมโครงการตำรวจรับใช้ชุมชนมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ในช่วงแรกชาวบ้านยังไม่เข้าใจว่าโครงการดังกล่าวคืออะไร เมื่อนายตำรวจทั้ง 2 นายพยายามอธิบายทำความเข้าใจและรวบรวมชาวบ้านมาเป็นคณะกรรมการช่วยกันร่วม โครงการโดยครั้งแรก ทางตำรวจได้สอบถามถึงปัญหาที่ทางหมู่บ้านต้องการให้แก้ไข ทางคณะกรรมการเสนอหลายอย่างทั้ง แก้ปัญหายาเสพติด และอาชญากรรม ในที่สุดก็เริ่มจากพัฒนาศาลาตาแดงที่เป็นแหล่งมั่วสุมยาของให้สวยงาม ตัดต้นไม้ที่ขึ้นรถให้มีความสวยงาม ปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่าง ติดป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ใน่ส่วนของย่าเสพติดยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่หมู่บ้านต้องการให้แก้ไข และอยู่ระหว่างแนวทางที่ดีที่สุด
สำหรับชุมชนหมู่บ้านท่าข้าม มีประชากรประมาณ 800 คน หรือ 200 หลังคาเรือน แบ่งเป็นเยาวชนประมาณ 60คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่สับปะรด มะพร้าวและลูกจ้างโรงงานสับปะรด
ขอบคุณข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/crime/156395
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น