วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ปีที่ 22 ฉบับที่ 8001 ข่าวสดรายวัน
คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
คมกฤช ราชเวียง รายงาน
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNVEkxTVRBMU5RPT0%3D§ionid=TURNd01RPT0%3D&day=TWpBeE1pMHhNQzB5TlE9PQ%3D%3D
ปัญหายาเสพติดมักมาคู่กับปัญหาอาชญากรรมเสมอ ทั่วโลกพยายามกวาดล้างปราบปรามปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมให้หมดสิ้นไป
ไม่
นานมานี้สำนักงานปราบปรามยาเสพติดและป้องกันอาชญากรรม
ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (UNODC) เชิญพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์
ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. ไปบรรยายเรื่องตำรวจผู้รับใช้ชุมชน
ที่ศูนย์การประชุมองค์การสหประชา ชาติ ถนนราชดำเนินนอก
เพื่อช่วยกันตกผลึกความคิดในการแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป
การ
บรรยายครั้งนี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแลกเปลี่ยนความรู้หลายหน่วย อาทิ
UNODC, AusAID (ผู้แทนออสเตรเลียเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ), INTERPOL
(องค์การตำรวจสากล), World Vision (มูลนิธิศุภนิมิตสากล) องค์กร UNICEF
รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย ลาว เขมร
เวียดนามและไทย โดยมีผู้บริหารของ UNODC ให้การตอบรับ มีนางมากาเร็ต
อาคูลโล เป็นผู้ประสานงาน
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์บรรยายในหัวข้อ
Community Policing หรือตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ที่ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง
โครงการดังกล่าวเป็นการนำเอาตำรวจเข้าไปกิน-อยู่พักอาศัยในชุมชนให้เปรียบ
เสมือนคนในครอบครัวชาวบ้าน โดยโครงการนี้ทำมาแล้วหลายแห่งหลายที่ด้วยกัน
ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม
ทั้
งนี้ สืบเนื่องจาก UNODC ได้ติดตามการทำงานของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
ที่ได้นำทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชนหรือ Community Policing มาใช้ในประเทศไทย
และเห็นว่ากำลังเดินมาถูกทาง
จึงประสานความร่วมมือเพื่อป้องกันปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในภูมิภาคนี้
ซึ่งพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เห็นว่าเป็นงานในหน้าที่ของบช.ก.อยู่แล้ว
จึงตอบรับและให้ความร่วมมือเต็มที่
โดย UNODC บช.ก.
ได้นำทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชนเป็นเครื่องมือในการดำเนินกิจกรรมโครงการ
ขณะนี้ UNODC อยู่ระหว่างผลักดัน
ให้ความรู้เรื่องทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชนให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งใน UNODC เองและหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะตำรวจในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง
ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม
เพื่อให้ได้ดูกรณีศึกษานำไปปรับใช้ในประเทศของตนเอง
พล.ต.ท.
พงศ์พัฒน์อธิบายความหมายทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชนว่า
เป็นทฤษฎีที่พัฒนาขึ้นภายใต้ความเชื่อว่าความร่วมมือของตำรวจและสุจริตชนใน
ชุมชน จะสามารถแก้ไขปัญหาอาชญากรรมส่วนใหญ่ได้
จุดเด่นของ
ตำรวจผู้รับใช้ชุมชนคือการเข้าไปฝังตัวเพื่อรับใช้ให้บริการประชาชน
จนกระทั่งประชาชนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ
ตำรวจกับประชาชนไม่หวาดระแวงซึ่งกันและกัน
จากนั้นจึงร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ชุมชน ท้ายสุดอาชญากรรมก็จะค่อยๆ ลดลงเอง
เรื่องนี้ได้พิสูจน์มาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก
สํา
หรับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการนำ Community Policing
มาใช้แล้วหลายประเทศและสามารถลดอาชญากรรมได้ เช่น ในมาเลเซีย สามารถลดอาชญา
กรรมได้ 60% ในประเทศสิงคโปร์ นำ Community Policing Unit ไปปฏิบัติงาน
ทำให้ไม่มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในเขตรับผิดชอบเป็นเวลากว่า 2 ปี
ในขณะที่สถิติอาชญากรรมของประเทศ ไทยสูงขึ้นทุกปี
และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จึงพยายามผลักดันให้นำมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน บช.ก.
ดำเนินการทั่วประเทศกว่า 150 ชุมชน
ผลสำรวจยืนยันว่าประชาชนพึงพอใจและอาชญากรรมในชุมชนส่วนใหญ่ลดลง
เชื่อว่าหากขยายผลนำไปใช้ทั่วประเทศจะช่วยให้อาชญากรรมในประเทศไทยลดลงได้
"งาน
ตำรวจไม่ได้เน้นปราบปรามอย่างเดียว แต่ต้องเน้นงานมวลชน
การเข้าถึงใจชาวบ้าน ต้องทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่าเป็นมิตรและพึ่งได้
ตำรวจที่เข้าไปคลุกคลีกับชาวบ้านจะรับรู้ปัญหาพื้นฐาน รู้ว่าใครเป็นอย่างไร
วัยรุ่นกลุ่มไหนมีความเคลื่อนไหวอย่างไร
อีกทั้งยังทำหน้าที่คอยให้คำปรึกษา แนะนำ
และให้ความรู้ถึงพิษภัยของยาเสพติดและปัญหาอาชญากรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนที่อยู่รวมกันเยอะๆ
เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานจะมีส่วนช่วยชาวบ้านได้มาก
เพราะบางทีชาวบ้านอาจไม่กล้าเข้าไปขอคำปรึกษาตำรวจท้องที่เพราะเกิดความหวาด
กลัว แต่สำหรับตำรวจผู้รับใช้ชุมชนแล้ว เขาจะมองเป็นคนในครอบครัว ลูกหลาน
และกล้าที่จะขอคำแนะนำหรือให้เบาะแสสำคัญ" พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าว
หลัง
เสร็จสิ้นการประชุมตัวแทนตำรวจจากประเทศ ลาว เขมร เวียดนาม
ได้เข้ามาขอคำแนะนำและรายละเอียดในการปฏิบัติงานจริงกับพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์
เพื่อเตรียมนำโครงการนี้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับประเทศของตนเอง
ภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือความสงบเรียบร้อย
ลดปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม!?!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น